ประเทศเนเธอร์แลนด์
เนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศซึ่งตั้งอยู่ในยุโรปตะวันตกตอนเหนือ ชื่อประเทศมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Neder” หรือ “ต่ำ” เนื่องจากภูมิประเทศส่วนใหญ่ของเนเธอร์แลนด์เป็นที่ราบลุ่ม และพื้นที่ประมาณหนึ่งในสี่ของประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เนเธอร์แลนด์ได้ปรับพื้นที่โดยการสูบน้ำออกจากทะเลสาบและทางน้ำต่าง ๆ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ เนเธอร์แลนด์ได้สร้างเขื่อน ทางระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศประสบภาวะอุทกภัย เนเธอร์แลนด์จึงมีสิ่งก่อสร้างด้านวิศวกรรมการจัดการน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ประวัติศาสตร์โดยสังเขป ประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และมีสันติภาพยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 250 ปี ต่อมา เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจลง ชนเผ่าเยอรมันนิก และเคลติก ได้เข้าไปครอบครองพื้นที่แถบนั้นในช่วงปี พ.ศ. 1906-2025 เนเธอร์แลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของยุคแห่งเบอร์กันดี และในศตวรรษที่ 16 เนเธอร์แลนด์ถูกปกครองโดยสเปน ต่อมาเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์และขุนนางจำนวนหนึ่ง ได้ก่อการปฏิวัติต่อสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนเนเธอร์แลนด์และได้สถาปนาสาธารณรัฐดัตช์และ สามารถนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ได้ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2191 (ค.ศ. 1648) จึงได้มีการลงนามในสนธิสัญญามุนสเตอร์ เพื่อสงบศึกระหว่างเนเธอร์แลนด์และสเปน ซึ่งดำเนินมาถึง 80 ปี และถือเป็นการประกาศเอกราชของเนเธอร์แลนด์ด้วยหลังจากได้ประกาศเอกราชจากจักรวรรดิสเปน ชาวดัตช์ได้ร่วมกันฟื้นฟูประเทศจนในที่สุดได้เข้ามาสู่ยุคทอง เช่นเดียวกับ สเปน โปรตุเกสและสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางทะเลในการแสวงหาโอกาสทางการค้าในดินแดนต่าง ๆ ของโลก เนเธอร์แลนด์เป็นมหาอำนาจทางทะเลและเศรษฐกิจชั้นนำของยุโรปในเวลานั้น และกรุงอัมสเตอร์ดัมก็ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป จนมีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนถือให้เนเธอแลนด์เป็นประเทศระบอบทุนนิยมประเทศแรกของโลก
เมื่อปี พ.ศ. 2338 (ค.ศ. 1795) กองทัพปฏิวัติฝรั่งเศสนำโดยพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ได้กรีฑาทัพเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์ และในปี พ.ศ. 2353 (ค.ศ. 1810) เนเธอร์แลนด์ก็ได้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิฝรั่งเศส ต่อมาเมื่อจักรวรรดิฝรั่งเศสเสื่อมอำนาจลงเนเธอร์แลนด์จึงได้รับเอกราชคืนมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2357 (ค.ศ. 1814) โดยมีเบลเยียมเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ อย่างไรก็ดี เนื่องจากความแตกต่างในทุก ๆ ด้านระหว่างเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม ประเทศทั้งสองจึงได้แยกออกจากกันอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839)เนเธอร์แลนด์ประกาศความเป็นกลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2457-2461และประกาศความเป็นกลางอีกครั้งหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ดี กองทัพเยอรมนีได้รุกรานและยึดครองเนเธอร์แลนด์ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2483-2488 ปัจจุบันเนเธอร์แลนด์เป็นสมาชิกที่มีบทบาทแข็งขันในสหภาพยุโรปและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโตเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศเจ้าอาณานิคมจนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอินโดนีเซียได้ประกาศเอกราชจากการเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) และซูรินาเมประกาศเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) ส่วนเนเธอร์แลนด์แอนทิลลิสและอารูบายังคงเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ โดยมีอธิปไตยในการบริหารกิจการภายในประเทศ ส่วนด้านการทหารและการต่างประเทศยังอยู่ภายใต้ความควบคุมดูแลโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์
ประวัติศาสตร์โดยสังเขป ประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และมีสันติภาพยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 250 ปี ต่อมา เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจลง ชนเผ่าเยอรมันนิก และเคลติก ได้เข้าไปครอบครองพื้นที่แถบนั้นในช่วงปี พ.ศ. 1906-2025 เนเธอร์แลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของยุคแห่งเบอร์กันดี และในศตวรรษที่ 16 เนเธอร์แลนด์ถูกปกครองโดยสเปน ต่อมาเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์และขุนนางจำนวนหนึ่ง ได้ก่อการปฏิวัติต่อสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนเนเธอร์แลนด์และได้สถาปนาสาธารณรัฐดัตช์และ สามารถนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ได้ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2191 (ค.ศ. 1648) จึงได้มีการลงนามในสนธิสัญญามุนสเตอร์ เพื่อสงบศึกระหว่างเนเธอร์แลนด์และสเปน ซึ่งดำเนินมาถึง 80 ปี และถือเป็นการประกาศเอกราชของเนเธอร์แลนด์ด้วยหลังจากได้ประกาศเอกราชจากจักรวรรดิสเปน ชาวดัตช์ได้ร่วมกันฟื้นฟูประเทศจนในที่สุดได้เข้ามาสู่ยุคทอง เช่นเดียวกับ สเปน โปรตุเกสและสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางทะเลในการแสวงหาโอกาสทางการค้าในดินแดนต่าง ๆ ของโลก เนเธอร์แลนด์เป็นมหาอำนาจทางทะเลและเศรษฐกิจชั้นนำของยุโรปในเวลานั้น และกรุงอัมสเตอร์ดัมก็ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป จนมีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนถือให้เนเธอแลนด์เป็นประเทศระบอบทุนนิยมประเทศแรกของโลก
เมื่อปี พ.ศ. 2338 (ค.ศ. 1795) กองทัพปฏิวัติฝรั่งเศสนำโดยพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ได้กรีฑาทัพเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์ และในปี พ.ศ. 2353 (ค.ศ. 1810) เนเธอร์แลนด์ก็ได้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิฝรั่งเศส ต่อมาเมื่อจักรวรรดิฝรั่งเศสเสื่อมอำนาจลงเนเธอร์แลนด์จึงได้รับเอกราชคืนมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2357 (ค.ศ. 1814) โดยมีเบลเยียมเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ อย่างไรก็ดี เนื่องจากความแตกต่างในทุก ๆ ด้านระหว่างเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม ประเทศทั้งสองจึงได้แยกออกจากกันอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839)เนเธอร์แลนด์ประกาศความเป็นกลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2457-2461และประกาศความเป็นกลางอีกครั้งหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ดี กองทัพเยอรมนีได้รุกรานและยึดครองเนเธอร์แลนด์ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2483-2488 ปัจจุบันเนเธอร์แลนด์เป็นสมาชิกที่มีบทบาทแข็งขันในสหภาพยุโรปและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโตเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศเจ้าอาณานิคมจนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอินโดนีเซียได้ประกาศเอกราชจากการเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) และซูรินาเมประกาศเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) ส่วนเนเธอร์แลนด์แอนทิลลิสและอารูบายังคงเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ โดยมีอธิปไตยในการบริหารกิจการภายในประเทศ ส่วนด้านการทหารและการต่างประเทศยังอยู่ภายใต้ความควบคุมดูแลโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ประเทศเนเธอร์แลนด์
สวนทิวลิบที่ใหญ่และสวยที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ชานเมืองลิซเซ่ (Lisse) ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมเพียง 29 กิโลเมตร สวนแห่งนี้เป็นแหล่งปลูกทิวลิบที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศเนเธอร์แลนด์ สวนเคอเคนฮอฟจะเปิดให้เข้าชมประมาณกลางเดือนมีนาคมไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี โดยทิวลิบที่มีมากกว่า 7 ล้านต้น รวมทั้งไม้หัวอื่นๆ เช่น ลิลลี่ แดฟโฟดิล นาซิสซัส และไฮยาซินหลากหลายสี จะพร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่งจนเหมือนสวนแห่งนี้ถูกปูด้วยพรมดอกไม้แลดูงดงามเป็นอย่างยิ่ง สวนแห่งนี้มีความร่มรื่นและทัศนียภาพสวยงาม ประกอบไปด้วยต้นไม้อันเก่าแก่นานาพันธ์ มีงานประติมากรรมสวยๆประดับสวนอยู่ตลอดเส้นทางเดิน มีทะเลสาบน้อยใหญ่รอบบริเวณ ประดับด้วยน้ำพุอันงดงาม นอกจากนั้นยังมีอาคารรูปกังหันซึ่งเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชั้นบนสุดเพื่อถ่ายรูปและชมวิวทิวทัศน์รอบสวนได้ในแบบพาโนรามา รวมถึงศาลาจัดแสดงกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับดอกไม้มากมาย มีร้านอาหารอร่อยและร้านกาแฟไว้ให้นั่งชมสวนสวย นอกจากนั้นสมาคมผู้ส่งเสริมการปลูกดอกไม้ประเภทไม้หัวแห่งเมืองลิซเซ่ ยังได้ใช้สวนแห่งนี้เป็นแหล่งศึกษาและเพาะพันธ์ไม้หัวประเภทดอก ทำให้เกิดทิวลิบพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นในทุกปี
ทะเลวาดเดนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของสองประเทศ ตั้งอยู่ชายแดนประเทศเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ เป็นพื้นที่ซึ่งรัฐบาลของทั้งเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ร่วมมือกันป้องกันและอนุรักษ์ธรรมชาติพร้อมกับพัฒนาด้านการท่องเที่ยว เพื่อมิให้กระทบต่อระบบนิเวศน์ของบรรดาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ ทะเลวาดเดนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำมีขนาดกว่า 10,000 ตารางกิโลเมตร อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งอาศัยและอนุบาลสัตว์น้ำที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของนกมากกว่า 10 ล้านตัว ไฮไลท์อีกอย่างก็คือโคลนของทะเลแห่งนี้อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและดีต่อสุขภาพจึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมมานอนพอกโคลนที่ทะเลแห่งนี้ (The Wadden Sea)
Efteling สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์
สวนสนุกแห่งนี้เป็นทั้งสวนสาธารณะและสวนสนุก เคยได้รับรางวัล Applause award ว่าเป็นสวนสนุกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1952 สวนสนุก Efteling มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 650,000 ตารางเมตร และยังเป็นสวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย Efteling Nature Park Foundation ได้ก่อตั้งขึ้นโดยนายกเทศมนตรีแห่งเมือง Loon โดยสถาปนิกผู้ออกแบบและก่อสร้างคือ Anton Pieck ยอดสถาปนิกชาวดัตช์ ภายในสวนสนุกแห่งนี้นอกจากส่วนที่เป็นเครื่องเล่นและแหล่งสร้างความบันเทิงอย่างรถไฟเหาะ บ้านผีสิง หรือเรือผีของชาวดัตช์ ก็ยังมีส่วนที่เป็นสวนสาธารณะ และ ส่วนที่เป็นดินแดนแห่งเทพนิยายร่วมอยู่ด้วย โดยในส่วนของดินแดนแห่งเทพนิยายจะจำลองบรรยากาศและตัวละครให้เหมือนในเทพนิยายแต่ย่อส่วนลงมา เทพนิยายดังๆก็จะมี สาวน้อยกับไม้ขีดไฟ หรือ บ้านขนมหวาน โดยที่ตัวละครต่างๆเหล่านี้สามารถแสดงอิริยาบถและเคลื่อนไหวได้ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆและนักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย นอกเหนือจากดินแดนแห่งเทพนิยายและสวนสนุกแล้ว ยังมีส่วนที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ซึ่งประกอบไปด้วยดอกไม้นานาพันธ์สีสันสวยงามหลากหลายชนิด และต้นไม้พันธุ์แปลกๆที่หาดูได้ยาก สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวชมสวนสนุกแห่งนี้ให้จุใจ แนะนำให้พักค้างคืนครับ ที่นี่มีรีสอร์ทบรรยากาศสุดโรแมนติกในระดับห้าดาวพร้อมอาหารอร่อยๆไว้รอต้อนรับแบบครบวงจร
จัตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square) – ทัวร์เนเธอร์แลนด์จัตุรัสแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของอัมสเตอร์ดัมกันเลยทีเดียว เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์หลายแห่ง อาทิเช่นพระราชวังหลวง (Royal Palace) อนุสรณ์สถานสงคราม (War Mermorial) โบสถ์ใหม่(New Church) และอนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ รูปทรงกรวยสีขาว ซึ่งสร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 และในอดีตเขื่อนแห่งแรกถูกก่อสร้างขึ้นในบริเวณจัตุรัสแห่งนี้เมื่อ ค.ศ 1200 ส่วนในปัจจุบันเป็นแหล่งพบปะและเป็นจุดนัดพบยอดนิยมของชาวเมืองอัมสเตอร์ดัม นอกจากนี้แล้วบริเวณจัตุรัสดัมสแควร์ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีของสำนักพระราชวัง งานเฉลิมฉลองวันแห่งการรำลึก การแสดงเปิดหมวกบนท้องถนน รวมถึงกิจกรรมบันเทิงต่างๆมากมาย
กาลเวอร์ สตราท(Kalver Straat) เที่ยวเนเธอร์แลนด์ถนนสายชอปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดของอัมสเตอร์ดัม ตลอดสองข้างทางของถนนเส้นนี้ประกอบไปด้วยร้านค้ามากมาย สินค้ามีให้เลือกซื้อหลากหลายทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่สินค้าแฟชั่นแบรนดัง เพชรพลอย ของกิน ของใช้ไปจนถึงของที่ระลึก และสินค้าพื้นเมืองอย่าง ชีส และรองเท้าไม้ ซึ่งผลิตจากไม้พลับเพลา ส่วนไฮไลท์ของถนนเส้นนี้ก็คือ ห้างสรรพสินค้าPeek&Cloppenburg ซึ่งชั้นบนของห้างแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์ (Madame Tussauds Scenerama) ภายใน พิพิธภัณฑ์จัดเป็นนิทรรศการหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญต่างๆ มากมาย หุ่นทุกตัวปั้นได้อย่างสมจริงดูราวกับ มีชีวิต มีการแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชาวดัตช์ ผู้เข้ชมจะได้สัมผัสและถ่ายรูปกับบุคคลดังๆทั่วโลกอย่าง บียอนเซ่, เอลวิส เพรสลี่, บารัค โอบามา ประธานาธิบดีUSA. , องค์ทาไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต หุ่นดาราฮอลลีวูดอาทิ แองเจลินา โจลี, แบรด พิตท์, , มาริลิน มอนโร และหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญต่างๆ อีกมากมาย
อาหารประจำประเทศ
อาหารท้องถิ่น อาหารของประเทศเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่จะเป็น
พวก มันฝรั่ง ขนมปังและเบคอนต่างๆ เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่ไม่ทานข้าว เช่นเดียวกับประเทศยุโรปทั่วๆไป อาหารเลื่องชื่อของเขา ได้แก่ ปลาแฮริ่งสด มักจะทานเปล่าๆ หรือจะทานกับขนมปังก็ได้ ซึ่งมีขายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ตามตลาด ซุ้ม ไปจนถึงภัตตาคารเลยก็มี นอกจากนี้ยังมี สตั๊มป์ผด (Stamppot) หรือมันฝรั่งบดผสมกับผัก เวลาทานมักผสมเบคอนลงไปด้วย ยิ่งทานคู่กับไส้กรอกอ้วนๆ ยิ่งเข้ากัน, มันฝรั่งทอด (Patat) ส่วนของหวานขึ้นชื่อของเนเธอร์แลนด์ก็จะเป็น Stroopwafel และ แพนเค้ก (Pannekoek) ซึ่งที่เนเธอร์แลนด์นี้เองถือเป็นต้นตำรับของขนมชนิดนี้ โดยคนที่นี่นิยมทานกับไอศครีมและวิปปิ้งครีม ใครได้มาชิมถึงแหล่งกำเนิดเป็นต้องติดใจไปทุกราย รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น